เกี่ยวกับเรา

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด

1. บทนำ

      บริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้าน บรรจุหีบห่อ คลังสินค้า ขนส่ง และขนถ่ายสินค้า โดยตามประมวลจรรยาบรรณและจริยธรรมของเรา บริษัทเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวม ใช้ ประมวลผล จัดเก็บ เปิดเผย และ/หรือ โอนเพื่อกิจกรรมต่างๆ ทางธุรกิจ

2. วัตถุประสงค์ของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

      นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลแก่ท่านเกี่ยวกับวิธีการประมวลผล (ซึ่งรวมถึงการรวบรวม การใช้ การจัดเก็บ การเปิดเผย และการโอน) (ต่อไปในที่นี้เรียกว่า “การประมวลผล” หรือ “ประมวลผล”) โดยบริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด ( ต่อไปจะเรียกว่า “บริษัท”, "เรา", "พวกเรา" หรือ "ของเรา" ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้) ต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลธรรมดาที่ได้ระบุตัวตนแล้วหรือสามารถระบุตัวตนได้ในประเทศไทย และ (ให้บุคคลธรรมดาดังกล่าวเป็น “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” และให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหากเหมาะสม)

      โดยตามประมวลจรรยาบรรณและจริยธรรมสากลของพวกเรา เราจะเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคลและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019)

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราประมวลผล

      ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งระบุตัวตนโดยตรงหรือโดยอ้อมของบุคคลดังกล่าว เช่น ชื่อจริง นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์ ภาพถ่าย ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ซึ่งรวมถึงข้อมูลลูกค้าหรือผู้จัดหาวัสดุ ข้อมูลพนักงาน ข้อมูลกรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้รับเหมา เป็นต้น แต่ไม่รวมข้อมูลในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนได้หรือไม่สามารถระบุตัวตนได้อีกต่อไป (ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน)

เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้:

  • “รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน” (เช่น ชื่อจริง ชื่อกลาง นามสกุล ชื่อผู้ใช้ หรือสิ่งระบุตัวตนที่คล้ายกัน สถานภาพการสมรส ตำแหน่ง วันเดือนปีเกิด เพศ ถิ่นที่อยู่ สถานะทางครอบครัว ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ข้อมูลยานพาหนะ วีซ่า ใบอนุญาตทำงาน บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี และบัตรประจำตัวอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้)
  • “ข้อมูลการติดต่อ” (เช่น ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์)
  • “ข้อมูลการชำระเงิน” (เช่น รายละเอียดบัญชีธนาคารและบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต)
  • “ข้อมูลสำหรับการตลาดและการติดต่อสื่อสาร” (เช่น สิทธิพิเศษของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในด้านการตลาดจากเราหรือบุคคลที่สามและสิทธิพิเศษของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในด้านการติดต่อสื่อสาร)
  • “ประวัติส่วนตัว” (เช่น ประวัติการศึกษา ใบรับรองผลการเรียน วุฒิการศึกษา ทักษะ คุณวุฒิ ประวัติการทำงาน และข้อมูลอื่นใดที่อาจจำเป็นต่อการตัดสินความเหมาะสมกับบทบาทหน้าที่การงานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล)
  • “ข้อมูลความปลอดภัย” (เช่น การบันทึกภาพถ่าย และ/หรือ เสียงด้วยโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ภาพถ่าย ภาพวีดิทัศน์ วีดิทัศน์ การบันทึกเสียงบทสนทนา
  • “ข้อมูลทางเทคนิค” (เช่น ที่อยู่ไอพี คุกกี้ ตำแหน่งอุปกรณ์ที่มีการเข้าถึงขณะใช้เว็บไซต์นี้)
  • “ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” (เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/เวชระเบียน ผลการตรวจสุขภาพ ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ความทุพพลภาพ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่เลือด บันทึกการฉีดวัคซีน ประวัติอาชญากรรม)

      ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกแปลงเป็นข้อมูลทางสถิติหรือข้อมูลรวมในลักษณะที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกระบุตัวตนหรือจะไม่สามารถระบุตัวตนได้จากข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์และการวิจัย

4. ข้อมูลส่วนบุคคลถูกรวบรวมอย่างไร?

เรารวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีดังต่อไปนี้:

  • การรวบรวมโดยตรง :
    • เรารวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งรวมถึงการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกรอกแบบฟอร์มที่กำหนด แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือ โดยการติดต่อกับพวกเราทางไปรษณีย์ อีเมล หรือมิฉะนั้นเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล:
      • ขอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา
      • มอบนามบัตรของท่านแก่พวกเรา
      • สั่งซื้อหรือทำการร้องขอผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเรา
      • การแสดงความคิดเห็นหรือติดต่อพวกเรา หรือ
        • สมัครงานและนัดสัมภาษณ์เพิ่มเติม
  • การรวบรวมโดยอ้อม :
    • เรายังอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่สาม เช่น องค์กรที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในสังกัด และ/หรือ แหล่งข้อมูลสาธารณะในขอบเขตที่ พีดีพีเอ และกฎหมายที่บังคับใช้อื่นๆ อนุญาต

5. เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร

5.1 ฐานตามกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอันชอบด้วยกฎหมาย

      เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อกฎหมาย และ/หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พีดีพีเอ) อนุญาตให้พวกเราทำได้เท่านั้น

      เมื่อเราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เราจะอาศัยฐานตามกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งข้อสำหรับการประมวลผลตามกฎหมาย ต่อไปนี้:

  • “ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมต่อการประมวลผลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง)
  • “การปฏิบัติตามสัญญา” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือสำหรับการดำเนินการต่างๆ ตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าว)
  • “การปฏิบัติตามกฎหมาย” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายของพวกเราซึ่งบริษัทอยู่ภายใต้บังคับ)
  • “ประโยชน์ที่สำคัญต่อชีวิต” (ในกรณีที่เป็นไปเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล)
  • “ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่จะเป็นฐานประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทเพื่อที่จะดำเนินการและจัดการธุรกิจของบริษัทเพื่อจัดให้มีการบริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด

      ก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายนี้ เราจะประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น (ทั้งด้านบวกและด้านลบ) ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและต่อสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และทำการเปรียบเทียบระหว่างผลกระทบดังกล่าวต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับฐานประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทต่อไป เราจะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยเหตุฐานประโยชน์อันชอบธรรมนี้หากผลเสียต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและต่อสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าฐานประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท

5.2 วัตถุประสงค์สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

      เราได้กำหนดคำอธิบายแบบฉบับ (1) วัตถุประสงค์สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (2) ชนิดของข้อมูลส่วนบุคคล และ (3) ฐานตามกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอันชอบด้วยกฎหมายไว้ด้านล่างนี้ในรูปแบบของตาราง

      (เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับฐานตามกฎหมายมากกว่าหนึ่งข้อขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์เฉพาะของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในตารางด้านล่าง โปรดทราบว่าเรายังอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายของบริษัท เพื่อประโยชน์อันชอบธรรม หรือเพื่อประโยชน์ที่สำคัญตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายด้วย)

วัตถุประสงค์สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ชนิดของข้อมูลส่วนบุคคล

ฐานตามกฎหมายสำหรับการประมวลผลอันชอบด้วยกฎหมาย

1.  เพื่อจดทะเบียนลูกค้า ผู้จัดหาวัสดุ หรือผู้ให้บริการรายใหม่

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อการบริหารจัดการ)

2. เพื่อจัดหา (หรือจัดซื้อ) สินค้า หรือให้ (หรือรับ) บริการอย่างเหมาะสมซึ่งรวมถึง:

(ก) การทำ (หรือรับ) คำสั่งซื้อ

(ข) การส่งมอบ (หรือรับการส่งมอบ)

(ค) การชำระ (หรือการรับ) ค่าธรรมเนียม

(ง) การบริหารหนี้และสินเชื่อ และ

(จ) การให้ (หรือการรับ) บริการภายใต้บังคับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลการชำระเงิน

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

      (เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันทางธุรกิจของพวกเราอย่างเหมาะสม)

3. เพื่อติดต่อและสื่อสารด้านการสื่อสารการตลาด ทำการวิเคราะห์ข้อมูล และปรับปรุงธุรกิจของบริษัท  

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลสำหรับการตลาดและการติดต่อสื่อสาร

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

      (เพื่อพัฒนาธุรกิจของบริษัทด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ)

4. เพื่อจัดการรายละเอียดการติดต่อซึ่งรวมถึง:

(ก) การให้คำแนะนำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท

(ข) การขอมีส่วนร่วมในการสำรวจตลาด

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา

(ค) การปฏิบัติตามกฎหมาย

(ง) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อปรับปรุงรายละเอียดการติดต่อของลูกค้าและเพื่อการตรวจสอบสินค้าและ/หรือบริการ)

5. เพื่อบริหารจัดการและปกป้องธุรกิจของพวกเราและเว็บไซต์นี้ (ซึ่งรวมถึงการแก้ไขปัญหา การวิเคราะห์ข้อมูล การทดสอบ การบำรุงรักษาระบบ การสนับสนุน การรายงานและการโฮสต์ข้อมูล) 

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลทางเทคนิค

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อการจัดการและการให้บริการด้านไอที การรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และเพื่อป้องกันการฉ้อฉล)

 (ค) การปฏิบัติตามกฎหมาย

6. เพื่อจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัทเพื่อทำการตัดสินใจที่เหมาะสมเกี่ยวกับการสรรหาและการบริหารทรัพยากรบุคคล (ซึ่งรวมถึงการจัดการการจ่ายเงินเดือน การปฎิบัติตามสัญญาจ้างและกฎหมายแรงงาน และการดำเนินการฝึกอบรม)

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลการชำระเงิน

(ง) ประวัติส่วนตัว

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อสรรหาบุคคลที่เหมาะสมและตรงตามลักษณะงานที่กำหนด  และเพื่อการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสม)

(ง) การปฏิบัติตามกฎหมาย

(จ) ประโยชน์สำคัญต่อชีวิต

7. เพื่อดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยควบคุมการเข้าถึงอาคาร เพื่อให้มีความมั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานและผู้เยี่ยมชมของพวกเรา และเพื่อบันทึกและเก็บรักษาบันทึกภาพถ่าย รูปภาพ และ/หรือ เสียงผ่านโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ภาพถ่าย ภาพวีดิทัศน์ การบันทึกภาพและเสียงจากการสนทนา

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลความปลอดภัย

(ก) การปฏิบัติตามสัญญา

(ข) การปฏิบัติตามกฎหมาย

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้เยี่ยมชมของพวกเรา)

8. เพื่อตรวจสอบหรือจัดการกับข้อเรียกร้องหรือข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องธุรกิจของบริษัทหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือใบอนุญาตประกอบการที่บังคับใช้

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลการชำระเงิน

(ง) ประวัติส่วนตัว

(จ) ข้อมูลความปลอดภัย

(ก) การปฏิบัติตามสัญญา

(ข) การปฏิบัติตามกฎหมาย

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกำหมาย

(เพื่อตรวจสอบและตอบสนองต่อข้อเรียกร้องและข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท)

9. เพื่อดำเนินการประเมินการควบคุมภายในของพวกเราและการเฝ้าติดตาม (เช่น โดยวิธีการตรวจสอบภายนอกและภายใน) ของ:

(ก) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ

(ข) ความน่าเชื่อถือของการรายงานทางการเงิน

(ค) การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่บังคับใช้อันเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจ  และ

(ง) การปกป้องสินทรัพย์ต่างๆ

(ก) รายละเอียดส่วนตัวและการระบุตัวตน

(ข) ข้อมูลการติดต่อ

(ค) ข้อมูลการชำระเงิน

(ง) ประวัติส่วนตัว

(ก) การได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) การปฏิบัติตามกฎหมาย

(ค) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย

(เพื่อการป้องกันการฉ้อฉลและการคุ้มครองทรัพยากรขององค์กรทั้งทางกายภาพและที่จับต้องไม่ได้)

5.3 การเปลี่ยนวัตถุประสงค์ ฯลฯ

      เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งซึ่งเราได้รวบรวมไว้ เว้นแต่เราได้พิจารณาเห็นสมควรว่า เราจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น และวัตถุประสงค์ดังกล่าวสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เดิมที่แจ้งไว้

      หากเราจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ที่เห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิมที่แจ้งไว้ เราจะแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ใหม่ และขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่ใช้บังคับ

      เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องมีการรับรู้หรือความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหากจำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้โดยกฎหมาย และ/หรือ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

      เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่สามดังต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องโดยบุคคลที่สามดังกล่าว:

  • “บุคคลที่สามภายใน”
  • “บุคคลที่สามภายนอก”
  • “บุคคลที่สามผู้ซึ่งเราอาจเลือกที่จะขายและโอนกิจการของเรา (หรือในทางกลับกัน) หรือผู้ที่เราอาจควบรวมกิจการด้วย”

      เมื่อเราร้องขอให้บุคคลที่สามภายนอกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของพวกเรา เราจะไม่อนุญาตให้พวกเขาใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ของพวกเขาเอง เราจะอนุญาตให้พวกเขาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะที่อยู่ภายในขอบเขตของคำสั่งของพวกเราและกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งบังคับใช้

      เจ้าของธุรกิจของพวกเรารายใหม่ (ผู้รับโอนธุรกิจ) จะสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในขอบเขตเดียวกันกับที่นโยบายนี้อนุญาตไว้และเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการตีความในส่วนนี้:

      “บุคคลที่สามภายใน” ให้รวมถึงบริษัทแม่ของเรา บริษัทย่อยและบริษัทในเครือของบริษัทซึ่งบริษัทถือหุ้นส่วนใหญ่หรือส่วนได้เสียส่วนในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศอื่นๆ

      “บุคคลที่สามภายนอก” ให้รวมถึงบุคคลที่สามดังต่อไปนี้:

  • (ก) ผู้ให้บริการของพวกเรา ผู้ให้บริการของบุคคลที่สามภายในในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใด (ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมอบหมายของพวกเขาหรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลร่วม เป็นต้น);
  • (ข) ที่ปรึกษามืออาชีพของพวกเรา ที่ปรึกษามืออาชีพของบุคคลที่สามภายในในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใด (ทำหน้าที่เป็นทนายความ นักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี นักการเงิน ผู้รับประกันภัย และที่ปรึกษา ฯลฯ ; และ
  • (ค) ผู้ควบคุม และ/หรือ หน่วยงานข้อมูลส่วนบุคคล/ ข้อมูล/ การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใดซึ่งมีอำนาจกำหนดให้มีการรายงานกิจกรรมการประมวลผล ฯลฯ ในบางพฤติการณ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้

7. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

      การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวไว้ในข้อ 6. (การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) ข้างต้นอาจรวมถึงการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

      เราโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากประเทศไทยไปต่างประเทศเฉพาะในกรณีที่ข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้บังคับใช้:

  • (ก) การโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากประเทศไทยไปต่างประเทศโดยที่ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีมาตรฐานการปกป้องข้อมูลเพียงพอและการโอนได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์สำหรับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หรือ
  • (ข) การโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากประเทศไทยไปต่างประเทศเป็นไป
    • (1) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
    • (2) ด้วยความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    • (3) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือคำขอก่อนทำสัญญาของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    • (4) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    • (5) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
    • (6) จำเป็นสำหรับการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะในนัยสำคัญ

8. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

      เราได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและจะตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ระบุและประกาศไว้ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      เราจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะพนักงาน ตัวแทน ผู้รับเหมา และบุคคลอื่น และบุคคลที่สามที่กล่าวถึงในข้อ 6. (การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) ข้างต้นเฉพาะตามที่เป็นการจำเป็น พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายในขอบเขตคำสั่งของพวกเราเท่านั้นและจะอยู่ภายใต้บังคับหน้าที่ในการรักษาความลับ

      หากเราพบว่ามีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้าเกินสมควร และหากเป็นไปได้ ไม่เกิน 72 ชั่วโมงเมื่อพบ

      หากการละเมิดอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล เราจะแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องว่ามีการละเมิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดและแนวทางการแก้ไขโดยไม่ชักช้าเกินควร

9. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

      เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามสมควรต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น

      เราอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นเวลานานขึ้นในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลฟ้องร้อง หรือหากเรามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการดำเนินคดีกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เราอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้แม้หลังจากได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในกรณีที่มีความจำเป็นเนื่องจากบริษัทมีประโยชน์อันชอบธรรมอยู่ที่จะทำเช่นนั้นได้ หรือเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้รวมถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (2017)

      เพื่อที่จะกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เราจะพิจารณาจำนวน ลักษณะ และความอ่อนไหวของข้อมูลส่วนบุคคล ความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โอกาสที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวด้วยวิธีการอื่นๆ ตลอดจนข้อกำหนดทางกฎหมาย ภาษี การบัญชี หรือข้อกำหนดอื่นๆ ที่บังคับใช้

10. สิทธิทางกฎหมายของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

10.1 สิทธิทางกฎหมาย

      ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจร้องขอต่อบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อตามข้อ 12 ของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้:

  • (ก) สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนา: (สิทธินี้ทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถร้องขอการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่พวกเราถือครองอยู่และตรวจสอบสถานะของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องนี้ยังรวมถึงสิทธิในการขอให้มีการเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล)
  • (ข) สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูล: (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถได้รับข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่อ่านได้หรือที่ใช้กันเป็นการทั่วไปโดยวิธีการของเครื่องมือหรืออุปกรณ์อัตโนมัติซึ่งรวมถึงการขอให้มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นหรือไปยังเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเว้นแต่ในทางเทคนิคไม่สามารถทำเช่นนั้นได้)
  • (ค) สิทธิในการคัดค้าน: (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีที่บริษัท:
    • 1) ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบนพื้นฐานของประโยชน์อันชอบธรรมหรือประโยชน์สาธารณะ ยกเว้นในกรณีที่บริษัทสามารถแสดงเหตุที่ชอบด้วยกฎหมายที่ฟังขึ้นได้ หรือได้ดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการจัดตั้ง การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายหรือการต่อสู้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย;
    • 2) ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดทางตรง; หรือ
    • 3) ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติเว้นแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยบริษัท
  • (ง) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล: (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถขอให้พวกเราลบ ทำลาย หรือไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องได้หากไม่มีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายสำหรับพวกเราในการประมวลผลต่อไป ซึ่งรวมถึงเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นอีกต่อไปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิกถอนความยินยอมของเขา/เธอที่การประมวลผลอาศัยเป็นพื้นฐานอยู่และไม่มีเหตุทางกฎหมายอื่นใดแล้ว อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าเราอาจไม่สามารถปฏิบัติตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตลอดด้วยเหตุผลทางกฎหมายตามที่ พีดีพีเอ และข้อบังคับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อนุญาตไว้)
  • (จ) สิทธิในการระงับการใช้ : (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถขอให้เราระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้:
    • (1) หากบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามคำขอของท่าน;
    • (2) ในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกลบทิ้งหรือลบออกไปตามข้อ 10.1 (ง) แต่ท่านขอให้จำกัดการใช้แทน;
    • (3) บริษัทไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้มีการเก็บรักษาไว้เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือเพื่อยกขึ้นต่อสู้การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย; หรือ
    • (4) บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามข้อ 10.1(ก) หรืออยู่ระหว่างการตรวจสอบเกี่ยวกับ 10.1(ค) เพื่อปฏิเสธคำขอคัดค้านของท่าน
  • (ฉ) สิทธิในการแก้ไขให้ถูกต้อง: (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถร้องขอให้มีการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องได้หากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่สมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด);
  • (ช) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล: (สิทธินี้จะไม่กระทบต่อความถูกต้องตามกฎหมายของการประมวลผลใดๆ ที่ได้ดำเนินการไปก่อนการเพิกถอนดังกล่าว หากเจ้าของข้อมูลเพิกถอนความยินยอมของเขา/เธอ เราอาจไม่สามารถให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการบางอย่างแก่เขา/เธอได้ เราจะแจ้งให้เขา/เธอทราบหากเป็นกรณีเช่นนี้ในเวลาที่มีการเพิกถอนโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว)
  • (ซ) สิทธิในการยื่นคำร้องเรียน: (สิทธิที่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นคำร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้)

      เมื่อเราได้รับคำขอให้ใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น เราจะดำเนินการตามคำขอโดยไม่ชักช้าเกินควรหากคำขอนั้นได้ดำเนินการตาม พีดีพีเอ และข้อบังคับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเราไม่มีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวตามที่กฎหมายได้อนุญาตไว้

      เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องซึ่งรับผิดชอบปัญหาการคุ้มครองข้อมูลที่มีเขตอำนาจได้ อย่างไรก็ตาม เราหวังเป็นอย่างยิ่ง หากท่านมีความกังวัลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะแจ้งให้เราทราบเป็นลำดับแรก ก่อนติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแลดังกล่าว

10.2 ค่าใช้จ่าย ฯลฯ

      โดยหลักแล้ว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการใช้สิทธิข้อหนึ่งข้อใดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เราอาจขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามสมควรหากเห็นได้ชัดเจนว่าคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่มีมูล ซ้ำซ้อน หรือมากเกินไป เราอาจเลือกที่จะปฏิเสธที่จะตอบคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในสถานะการณ์ดังกล่าวตาม พีดีพีเอ และกฎหมายและข้อบังคับอื่นๆ ที่บังคับใช้

10.3 การให้ข้อมูลเพิ่มเติม

      เมื่อเราได้รับคำขอให้ใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เราอาจจำเป็นต้องขอข้อมูลเฉพาะจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อช่วยเราในการยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งนี่เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลใดๆ ที่ไม่มีสิทธิได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

      เราอาจติดต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอเฉพาะของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเร่งการตอบกลับของพวกเราให้เร็วขึ้น

10.4 การปรับปรุงนโยบายนี้

      นโยบายนี้อาจมีการปรับปรุงเป็นครั้งคราว ท่านสามารถค้นหาฉบับล่าสุดได้บนเว็บไซต์ของพวกเรา

11. ลิงค์บุคคลที่สาม

      เว็บไซต์นี้อาจรวมถึงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม การคลิกลิงก์เหล่านั้นหรือการเปิดใช้งานการเชื่อมต่อเหล่านั้นอาจเป็นการอนุญาตให้บุคคลที่สามทำการรวบรวมหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน เราไม่ได้ควบคุมเว็บไซต์บุคคลที่สามเหล่านี้และจะไม่รับผิดชอบต่อคำแถลงความเป็นส่วนตัวของพวกเขา ดังนั้น เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์ของพวกเรา เราขอเสนอแนะให้ท่านอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของทุกเว็บไซต์ที่ท่านเยี่ยมชม

12. การติดต่อกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

      หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ กรุณาติดต่อพวกเราหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO) ของพวกเรา ที่ข้อมูลการติดต่อดังต่อไปนี้:

12.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล:

  • บริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด
  • สถานที่ติดต่อ 700/187,700/189 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี 20160
  • หมายเลขโทรศัพท์ 038-468020-7 ต่อ 504

12.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  • หมายเลขโทรศัพท์ : 038-468020-7 ต่อ 504
  • อีเมล์ : [email protected]

สอบถามข้อมูลบริการ
038 468 020-7 หรือ ขอใบเสนอราคา

Top